วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ปลาสิงโต


สกุลปลาสิงโต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สกุลปลาสิงโต
ปลาสิงโตไม่ทราบชนิด (Pterois sp.) ในตู้ปลา
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร:Animalia
ไฟลัม:Chordata
ชั้น:Actinopterygii
อันดับ:Scorpaeniformes
วงศ์:Scorpaenidae
วงศ์ย่อย:Pteroinae
สกุล:Pterois
Oken, 1817
ชนิด
10 ชนิด (ดูในเนื้อหา)
ชื่อพ้อง[1]
  • Pteropterus Swainson, 1839
สกุลปลาสิงโต (อังกฤษ: Lionfish, Turkeyfish, Firefish, Butterfly-cod) เป็นสกุลของปลาน้ำเค็มทะเลสกุลหนึ่ง ในวงศ์ปลาแมงป่อง (Scorpaenidae) ใช้ชื่อสกุลว่า Pterois (มาจากภาษากรีกคำว่า "πτερον" (pteron) หมายถึง "ปีก" หรือ "ครีบ")[2]
มีลักษณะทั่วไป คือ มีลำตัวยาวปานกลาง แบนข้างเล็กน้อย หัวมีขนาดใหญ่ ลำตัวปกคลุมด้วยแผ่นกระดูก และมีหนามจำนวนมาก เกล็ดขนาดเล็ก ครีบหลัง และครีบอกขนาดใหญ่แผ่กว้าง โดยทั่วไปครีบอกมีความยาวถึงโคนหาง ก้านครีบแข็งของครีบหลัง และครีบอกมีขนาดใหญ่แหลมคม หัวและลำตัวมีแถบลายสีน้ำตาลปนแดง มักว่ายช้า ๆ หรือลอยตัวนิ่ง ๆ ตามแนวปะการัง และบริเวณแนวหินในเขตน้ำตื้นชายฝั่งทั่วไป
เป็นปลาที่มีต่อมพิษที่ก้านครีบแข็งทุกก้าน โดยจะอยู่ใต้ชั้นผิวหนังโดยอยู่รอบส่วนกลาง ส่วนปลายของก้านหนามหุ้มห่อด้วยเนื้อเยื่อ พิษเป็นสารประกอบโปรตีน ซึ่งผู้ที่โดนแทงจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของปลาในวงศ์นี้ แต่โดยรวมแล้ว ปลาสิงโตจะมีความรุนแรงของพิษน้อยกว่าปลาสกุลอื่นหรือวงศ์อื่น ในอันดับเดียวกัน[3]
เป็นปลาที่มีความสวยงาม จึงนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม ปกติไม่บริโภคเป็นอาหาร พบกระจายพันธุ์อยู่ตามแนวปะการังหรือกองหินใต้น้ำ ในเขตอินโด-แปซิฟิก เป็นปลาที่กินกุ้งหรือปลาขนาดเล็กชนิดอื่นเป็นอาหาร ด้วยการกางครีบแล้วไล่ต้อนให้จนมุม แล้วใช้ปากฮุบกินไปทั้งตัว นอกจากนี้แล้วครีบต่าง ๆ นั้นยังใช้สำหรับกางเพื่อขู่ศัตรูได้ด้วย[4]

เนื้อหา

[ซ่อน]

[แก้] การจำแนก

แบ่งออกได้เป็น 10 ชนิด[1]

[แก้] ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น

นอกจากนี้แล้ว ปลาสิงโตยังกลายเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นในฝั่งทะเลด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา บริเวณแคริบเบียน, ชายฝั่งฟลอริดา และหมู่เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติก ตามท่าเรือ, ชายหาด หรือแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก เชื่อว่าเกิดจากการเพาะขยายพันธุ์ของนักเลี้ยงปลาสวยงาม หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท้องถิ่น แล้วปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติหรือหลุดรอดออกมา แต่ในความเห็นของ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านสมุทรศาสตร์ชาวไทยเชื่อว่า คงเกิดจากเรือบรรทุกน้ำมันที่ดูดไข่ปลาสิงโตหรือตัวอ่อนของปลาซึ่งมีสภาพเป็นแพลงก์ตอนข้ามมหาสมุทรไป[5] ซึ่งปลาสิงโตสามารถที่จะขยายพันธุ์ได้เองในธรรมชาติ โดยวางไข่ในป่าชายเลน ปลาหนึ่งตัวภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที สามารถกินลูกปลาหรือปลาขนาดเล็กไปได้ถึง 20 กว่าตัวเลยทีเดียว [6] แต่ขณะที่ยังเป็นปลาวัยอ่อน จะมีสภาพเป็นแพลงก์ตอน และตกเป็นอาหารของสัตว์อื่น [5]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น